นายไตรรัตน์ โคสะสุ
ผอ.สพป.สมุทรปราการ เขต 2
Dr.Trirut Kosasu
Director
หน้าหลัก
(1) (2){jcomments off}
ประวัติความเป็นมา วัดบางพลีใหญ่กลาง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2367 ชาวบ้าน เรียกว่า"วัดกลาง" เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางระหว่างวัดบางพลีใหญ่ในกับวัดคงคาราม (วัดยายหนู) ซึ่งเป็นวัดสร้างเดิมที่ตั้งวัดเป็นที่ดินของนายช้างหมื่นราษฎร์ โดยนาย น้อย หมื่นราษฎร์ พี่ชายเป็นผู้สร้างขึ้นและได้ขนานนามวัดว่า "วัดน้อยปทุมคงคา"เพราะได้ขุดสระปลูกบัวหลวงไว้ด้วย ต่อมาเปลี่ยนนามวัดใหม่ว่า "วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม" และครั้งสุดท้ายเปลี่ยนเป็น"วัดบางพลีใหญ่กลาง" โดยมิปรากฏแน่ชัดว่าเปลี่ยนใน สมัยเจ้าอาวาสรูปใด วัดบางพลีใหญ่กลางได้รับพระราชทาน วิสุคามสีมาเมื่อ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เขตวิสุคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร ในด้านการศึกษาทางวัดจัดให้มีการเรียนพระปริยัติธรรมตลอดมา นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติโดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ ให้ที่วัดสร้างโรงเรียนทั้งระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ด้วยเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งหมด 8 รูป ได้แก่ รูปที่ 1 พระอาจารย์ชำ รูปที่ 2 พระปลัดกรุต รูปที่ 3 พระอาจารย์พ่วง รูปที่ 4 พระอาจารย์เสม รูปที่ 5 พระอรรถโกวิทวุฒิคุณ รูปที่ 6 พระครูโสภณธรรมาภรณ์ รูปที่ 7 พระครูปลัดไพศาล รูปที่ 8 พระครูกพิสารวุฒิกิจ พระนอนใหญ่ สมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ เป็นพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยาว 26 วา 1 ศอก 9 นิ้ว กว้าง 3 วา 1 ศอก สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2521 เสร็จเมื่อปี พ.ศ.2544 โดยพระครูพิสารวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางรูปปัจจุบัน แรงบันดาลใจในการสร้างพระนอนท่านเล่าว่า จากประสบการณ์ที่อยู่ในสมณะเพศได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงเกิดความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการสร้างกุศล และให้ประชาชนมาทำบุญที่วัดมากๆเหมือนกับวัดอื่นๆ ที่เคยพบเห็น พระนอนดังกล่าวนี้ ภายในมีห้องปฏิบัติกรรมฐาน มีภาพเขียนเป็นเรื่องราวเทวดานรก และเรือสำเภาหน้าวัดด้านริม คลองสำโรงและ มีอวัยวะภายใน โดยเฉพาะหัวใจจะบรรจุด้วยเพชรนิล จินดา น้ำพันจันทร์ และทองคำ ดันสื่อความหมายถึงความแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์ เพื่อประชาชนมาปิดทองที่หัวใจพระนอนเปรียบเสมือนปิดทองหัวใจพระพุทธเจ้า สิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเรียนรู้ วัดบางพลีใหญ่กลาง ชาวบางพลี เรียกว่า วัดกลาง หรือ วัดพระนอน ตามลักษณะพระพุทธรูป ซึ่งเข้าไปภายในโบสถ์จะเห็นพระนอนองค์ขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ ซึ่งความยาวขององค์พระนอน ตั้งแต่ปลายเกศถึงพระบาท ยาว 52 เมตร 50 เซนติเมตร กว้าง 7 เมตร นับว่าเป็นพระพุทธรูปปางไสยยาสน์องค์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน นอกจากภายในโบสถ์จะมีพระนอนที่ใหญ่แล้ว ยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้ และมีสิ่งหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจคือ ช้างเสี่ยงทาย มีความเชื่อกันว่าถ้าใครมาอธิฐาน และหากว่าคำอธิฐานที่ตนอธิฐานเป็นจริงก็จะยกช้างขึ้น ตรงกันข้าม หากคำอธิฐานไม่เป็นจริงก็จะยกช้างไม่ขึ้น ภายในองค์พระนอนจะมีห้องต่าง ๆ โดยทางเดินปูพื้นด้วยหินขาว บันไดทางขึ้นปูด้วยหินอ่อน ขึ้นไปชั้นที่ 2 เป็นที่ฝึกกรรมฐานของพระ ชั้นที่ 3 มีภาพเขียนที่เขียนแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ และเรื่องราวที่เขียนเกี่ยวกับการทำความดี ว่าทำความดีแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นนางฟ้า เทวดา และเขียนเกี่ยวกับการทำความชั่วว่า ถ้าทำความชั่วก็จะตกนรกตายไปจะเป็นเปรต เป็นต้น ซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดยอาจารย์ วัจฉละ สาเงิน ครูศิลปะจากโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ส่วนชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่ทุกคนเมื่อได้มาแล้วต้องขึ้นไป เพราะในชั้นนี้เป็นชั้นที่บรรจุหัวใจพระนอน ปิดทองเหลืองอร่าม ซึ่งสาธุชนถือว่าการที่ได้กราบไหว้ และปิดทองที่หัวใจพระนอนก่อให้เกิดบุญกุศล สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่เลขที่ 1 บ้านคลองสำโรงฝั่งเหนือ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ภูมิปัญญา พระครูพิศาลวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง การเดินทาง จากถนนเส้นบางนา - ตราด ถึง กม.ที่ 14 เลี้ยวเข้าถนนบางพลีกิ่งแก้ว มาถึงร้านอาหารสวนน้ำบางพลี เข้าไปถนนสุขาภิบาล 1 อีก 500 เมตร
ชื่อ (จำเป็นต้องระบุ)
รีเฟรช
คอมเมนต์คอมเมนต์